“ถ้าเขาจะรักบัญชีเฉยเฉยเขาก็รัก”

Last updated: 10 พ.ย. 2563  |  893 จำนวนผู้เข้าชม  | 

“ถ้าเขาจะรักบัญชีเฉยเฉยเขาก็รัก”

“ถ้าเขาจะรักบัญชีเฉยเฉยเขาก็รัก”

 

ถ้าเขาจะรักยืนเฉยเฉยเขาก็รัก

ข้อความนี้ คงไม่น่าจะเกิดกับคนบัญชีแน่ ๆ

เพราะคนส่วนใหญ่มองว่า

“บัญชี” นั้น น่าเบื่อ ซ้ำซาก และมีแต่งานเอกสาร

 

แต่ทุกคนคงลืมคิดไปว่าทุกเรื่องและทุกสิ่งในการทำธุรกิจนั้นล้วนวิ่งกลับมาหา “บัญชี” ทั้งสิ้น

 

จุดเริ่มต้นของผมจากการเรียนศิลป์-ฝรั่งเศส ในช่วงม.ปลาย

แต่เอ็นทรานซ์ไม่ติด และทางพ่ออยากให้เรียนบัญชี (คิดว่าเรียนแล้วจะมีงานการที่มั่นคงและรวย)

จึงต้องเบนเข็มตัวเองไปทางคำนวณและตัวเลขแบบตามใจพ่อ

 

ด้วยการเรียนสามปีครึ่งในแบบสาหัส

เพราะการสอบทุกวิชาเป็นอัตนัยทั้งหมด ตั้งแต่ บัญชี 101 จน บัญชีชั้นสูง 2

เรียนทุกอย่างในเชิงทฤษฎี เดบิต เครดิตก็มาเต็ม

จนบางครั้งคิดว่าเรียนไปแล้วจะได้อะไร และจะทำอะไรได้

 

จนกระทั่งเริ่มทำงานในสายงานสอบบัญชี สายงานที่ปรึกษา และการเป็นเจ้าของกิจการ ตลอดเวลากว่า 20 ปี ภาพที่เริ่มเห็นเลือนลาง จนกลายเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ว่าสิ่งที่เรียนกับเรื่องจริงดูต่างกันอย่างมาก เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องบัญชี และคนบัญชีเท่านั้น

 

ความเข้าใจในธุรกิจ เอกสารต่าง ๆ  กลยุทธ์ นโยบาย งบประมาณ การแข่งขันทางธุรกิจ ปัจจัยภายนอก พฤติกรรมผู้บริโภค โครงสร้างองค์กร ประเภทธุรกิจ และที่สำคัญ คือ “กำไร” สิ่งที่ทุกธุรกิจคาดหวัง ล้วนทำให้ “บัญชี” มีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง ทุกหน่วยงาน และมีประโยชน์อย่างมากในการทำธุรกิจ

 

มาถึงตรงนี้ คุณเริ่มคิดแล้วใช่ไหมว่าจริง ๆ แล้วบัญชีคืออะไร?
“บัญชี” คือ การบันทึกข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ทำอยู่ หรือหากเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย
“บัญชี” เป็น ไดอารี่ทางธุรกิจ ที่จดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจแล้วสะท้อนให้เห็นเป็นตัวเลข

 

ลูกค้าโอนเงินค่าขายของให้ ก็ต้องบันทึก

ซื้อสินค้าจากต่างประเทศมาขาย ก็ต้องบันทึก

กู้ยืมเงินจากธนาคาร ก็ต้องบันทึก

เช่าสำนักงาน และพื้นที่ขาย ก็ต้องบันทึก

จ่ายค่าโฆษณา แถมของ ลดราคา ก็ต้องบันทึก

 

สิ่งที่ได้ของการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น จะส่งผลให้เราเห็นภาพว่าผลจากการทำธุรกิจเป็นอย่างไร ได้กำไรอย่างที่คาดหวังไหม ฐานะทางการเงินอยู่ในระดับมั่งคั่งหรือกระท่อนกระแท่น

สิ่งนี้ผลลัพธ์ของ ”บัญชี” เราเรียกว่า “งบการเงิน”

 

นอกจากเรื่อง “กำไร” ที่เจ้าของกิจการคาดหวังนั้น

การนำเอาข้อมูลทางบัญชีไปใช้ต่อในการตัดสินใจทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุนต่อ การตั้งราคาขาย การควบคุมต้นทุน การซื้อขายกิจการ หรือแม้แต่เรื่องเงินปันผล หรือการบริหารเงินสด เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากต่อเจ้าของกิจการในการตัดสินใจอย่างมีเหตุและผล พร้อมมีข้อมูลสนับสนุน โดยไม่ตัดสินใจจากสัญชาตญาณอย่างเดียว

 

ในช่วงสองสามปีหลัง ได้มีโอกาสทำงานแบบใกล้ชิดกับเจ้าของกิจการและผู้บริหารระดับสูงหลายท่าน และได้แนะนำประโยชน์ของบัญชีที่ไม่เพียงแต่บัญชีการเงิน แต่ยังแนะนำในเรื่องบัญชีบริหารที่ไปใช้ในการมองภาพธุรกิจให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น

 

ต้องให้เครดิต เจ้าของกิจการท่านนึงที่มานั่งฟังผมบรรยายเรื่องบัญชี แล้วท่านก็สรุปที่ผมสอน

โดยท่านให้นิยามของคำว่า “บัญชี” ได้เยี่ยมมาก

 

“คุณชัค บัญชีมันก็เหมือนอากาศ ที่คนไม่ค่อยเห็นมัน บางครั้งก็ลืมไปว่ามีมัน ทั้งๆ ที่มนุษย์เราต้องมีอากาศเพื่อหายใจ และเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการมีชีวิตอยู่ ก็เหมือนบัญชีที่ต้องอยู่คู่กับธุรกิจ”

 

ผมฟังแล้วยังอึ้งเลย

 

นอกจากนี้ ผมยังได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อม “เจ้าของกิจการ” และ “คนบัญชี” ให้มีความสัมพันธ์กันมากขึ้น ไม่ใช่เขาไม่คุยกันนะ แต่ทำให้เขาทั้งสองใช้ความเก่งของแต่ละคน (ธุรกิจ กับหลักการและตัวเลข) มาเป็นภาษาเดียวกันในการทำงานร่วมกัน

 

บัญชีมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์

มันไม่ใช่แค่ตัวเลข หลักการ หรือทฤษฎี

มันเป็นศิลปะ กระบวนการ การสื่อสาร

ผมเชื่อว่า หากคุณเริ่มเปิดใจกับ “บัญชี”

คุณจะเริ่มค่อยค่อยเข้าใจและรักอย่างแน่นอน

 

และตอนนี้ผมอยู่เฉย ๆ ก็มีคนรักแล้วนะครับ

 

ท้ายที่สุด

วันนี้ไดอารี่ธุรกิจของคุณ..

ได้ถูกบันทึกแล้วหรือยัง?

ได้บันทึกครบถ้วนแล้วหรือยัง?

ได้บันทึกถูกต้องไหม?

ได้นำข้อมูลที่มีไปวิเคราะห์ต่อเพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจหรือไม่?

 

ชัคพัฒน์ นัสการ

23.10.2563

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้