The Magic Number 365 (Enhance Your Financial Performance by Designing Better Control) หลักสูตร intensive 2 วัน ที่จะช่วยทำให้คุณเห็นมิติในการควบคุมภายในได้ชัดเจน ผ่านการถ่ายทอดจากคุณชัคพัฒน์ (ชัค) วิทยากรที่มากด้วยประสบการณ์ ในฐานะ CTO, ThinkMate Business Advisory ที่ปรึกษาองค์กร กรรมการ และกรรมการอิสระในหน่วยงาน และบริษัทเอกชนชั้นนำ ผ่านการทำความเข้าใจ บนพื้นฐานของทฤษฎีที่ถูกต้อง เห็นการเปรียบเทียบกรณีศึกษา และลงมือทำจริงจากเวิร์คช้อป
หลักสูตรเหมาะสำหรับ เจ้าของกิจการ CEO และผู้บริหาร รวมถึง C-Level และ Management ในทุกฝ่ายที่ต้องการพัฒนากระบวนการควบคุมภายใน อาทิ ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายขาย การเงินบัญชี หรือบุคคล จับมือกันมาเรียน เพื่อเปลี่ยนให้ธุรกิจคุณเติบโตอย่างแข็งแรง และมีระบบ เปิดรับสมัครรุ่นที่ 4 แล้ว
สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 26 กรกฎาคม 2567
เรียน 1 - 2 สิงหาคม 2567
Q: การควบคุมภายในเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ จริงๆ แล้วควรเริ่มทำเมื่อไหร่ ?
A: เจ้าของกิจการ และผู้บริหารส่วนใหญ่อาจคิดว่าการควบคุมภายในไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะคิดว่าการควบคุมภายในต้องมีเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจที่มีความซับซ้อนเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว การควบคุมภายในคือ “กระบวนการ” ในการดำเนินงานของแต่ละส่วนงานที่ “สอดคล้อง และ เชื่อมโยง” กัน เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิผลมากที่สุด จึงไม่เกี่ยวกับขนาดของธุรกิจ แต่อยู่ที่กิจการมีการควบคุมภายในเพียงพอหรือไม่เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายขององค์กร
ตัวอย่างเช่น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ทุกธุรกิจก็ต้องมีการจัดซื้อ ธุรกิจขนาดเล็กอาจมีจำนวนคู่ค้าที่มากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ก็เป็นได้ เพราะขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า และบริการ ดังนั้นถ้าบริษัทมีระบบควบคุมภายในที่คล่องตัว เอื้อต่อการดำเนินการ และการตรวจสอบความถูกต้อง ก็ย่อมทำให้ธุรกิจเดินหน้า เติบโตได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน นอกจากนั้นยังสามารถนำข้อมูลมาแก้ปัญหา หรือตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วขึ้น แต่ถ้าหากไม่มีระบบการควบคุมภายใน หรือรอให้ธุรกิจขยายตัวก่อนแล้วค่อยวางแผนเรื่องดังกล่าว อาจต้องใช้เวลาในการจัดการมากขึ้น เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการมากขึ้น และคุณอาจจะไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่คุณทำมาก่อนหน้านั้น ช่วยลดต้นทุน ประหยัดค่าใช้จ่าย หรือใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าแล้วหรือยัง
Q: การควบคุมภายในเป็นเรื่องของบริษัทที่จะเตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) เท่านั้นหรือไม่ ?
A: อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้ธุรกิจเติบโต หรือมีโอกาสทางธุรกิจแล้วค่อยจัดการ แต่เรื่องของการควบคุมภายใน หากสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจก็จะเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งคนทำงาน และเจ้าของกิจการเอง เพราะจะสามารถทำให้เห็นว่าในส่วนงานใดที่ยังคงมีปัญหา ต้องจัดการแก้ไขปรับปรุง อีกทั้งการควบคุมภายในจะช่วยทำให้เกิดความโปร่งใส (Transparency) ซึ่งถ้าหากมีการดำเนินการเรื่องการควบคุมภายในมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีโอกาสในการขยายธุรกิจ หรือการจดทะเบียนเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยย่นระยะเวลาในการเตรียมตัว และพร้อมดำเนินการได้เร็วกว่าปกติอีกด้วย หากเปรียบแล้ว “การควบคุมภายใน” ก็เหมือนกับคนเราที่ต้องเรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนาอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม บริบท และเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
Q: ปัจจุบัน “การควบคุมภายใน” จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในการจัดการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หรือยังจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรบุคคลด้วย ?
A: แน่นอนว่าปัจจุบันมีเครื่องมือที่ทันสมัยซึ่งเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมระบบควบคุมภายในเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ทัศนคติ” และ “ความเข้าใจถึงความสำคัญ” ของเจ้าของกิจการ CEO และผู้บริหาร ต่อเรื่องการควบคุมภายใน ยิ่งไปกว่านั้นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมภายในของบริษัทมีความเข้าใจรูปแบบกิจการ โมเดลธุรกิจ และความต้องการปลายทาง หรือผลลัพธ์ที่เจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารต้องการแล้วหรือยัง เพราะทั้งสองส่วนจะเป็นส่วนในการออกแบบระบบการควบคุมภายในได้อย่างตรงโจทย์ ลดขั้นตอน ประหยัดเวลา และทรัพยากรเป็นอย่างมาก และส่งผลต่อการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจ
Q: จริงหรือไม่ที่ว่าการควบคุมภายในต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการจัดการ จึงยังไม่ใช่สิ่งที่ควรลงทุน ?
A: การลงทุนต่อเรื่อง “การควบคุมภายใน” ในส่วนที่เป็นตัวเงิน ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องที่ว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่นั้น อีกสิ่งที่ต้องทำคือการประเมินว่าการควบคุมภายในในส่วนไหนที่ยังส่งผลต่อความผิดพลาด หรือมีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ เราอาจมุ่งเน้นไปที่ส่วนนั้น หรือส่วนสำคัญก่อนได้ แต่หัวใจหลักอยู่ที่ “บุคลากร” หรือ “ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง” ต่อเรื่องดังกล่าวนั้น มองเห็นปัญหาหรือไม่ เข้าใจโมเดลธุรกิจ หรือกลยุทธ์ที่จะขับเคลื่อน และความต้องการของกิจการและผู้บริหารต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงหรือไม่ นั่นถึงจะเป็นจุดเริ่มต้นว่าบริษัทควรมีการควบคุมเรื่องใดที่สำคัญ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ หากเข้าใจและสามารถประเมินได้ จึงจะเป็นคำตอบว่าบริษัทนั้นๆ ควรเน้นการควบคุมที่เรื่องใดเป็นพิเศษ ซึ่งบางครั้งอาจไม่เกี่ยวข้องกับตัวเงินเลยก็ได้
Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าการควบคุมภายในที่มีอยู่นั้น มีประสิทธิผลและพอเพียง ?
A: “ประสิทธิผล” หมายถึง เมื่อกิจการมีการควบคุมภายในที่มีคุณภาพ ย่อมส่งผลต่อการดำเนินงานที่ราบรื่น การทำงานในแต่ละส่วนเกิดความสอดคล้องเชื่อมโยง สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ สามารถควบคุมต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสามารถสะท้อนถึงรายงานทางการเงิน หรืองบการเงินของบริษัท
Designing Better Control
เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้ จึงเป็นคำตอบว่า “การควบคุมภายใน” เกี่ยวข้องกับกระบวนการดำเนินงาน
รวมถึงส่งผลต่อการเงินของบริษัท และตัวเลขที่ปรากฏบนงบการเงินซึ่งเจ้าของกิจการ และ
ผู้บริหารอย่างคุณต้องรับรองอย่างไร
วันนี้ธุรกิจของคุณจะลดความเสี่ยง รับมือกับความเปลี่ยนแปลง และสามารถเตรียมพร้อมเพื่อการเติบโตในอนาคตได้
หากเจ้าของกิจการ CEO และผู้บริหารอย่างคุณเข้าใจ และตระหนักต่อ “การควบคุมภายใน” อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ที่เหมาะกับหลักสูตร The Magic Number 365
เจ้าของกิจการ CEO หรือผู้บริหารระดับสูงขององค์กร
- ที่มีส่วนช่วยในการกำหนด และออกแบบกระบวนการทำงานของบริษัท
- ที่ต้องการให้บริษัทบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ทั้งด้านการดำเนินงาน การรายงาน
ทางการเงิน และการปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับ
- ที่ต้องการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ IPOภายใน 3-5 ปีข้างหน้า
และ ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบด้านการปฏิบัติการ หัวหน้าสายงาน หรือ
ระดับผู้จัดการ
- ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล
- ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายผลิต
- ฝ่ายจัดซื้อ จัดจ้าง
- ฝ่ายบัญชี การเงิน
เป็นต้น
*** เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการเรียน และการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและเท่ากัน ผู้สมัครควรเข้าร่วมหลักสูตรอย่างน้อย 2 ท่าน โดยเป็นเจ้าของกิจการ CEO หรือ ผู้บริหาร 1 ท่าน และควรเป็นผู้ที่มีบทบาทในการรับผิดชอบเรื่องการจัดการ และการปฏิบัติการในสายงานใด้สายงานหนึ่งอีก 1 ท่าน